***1.การปรับแต่งภาพกราฟิก***
ภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอลเป้นไฟล์กราฟิกประเภทหนึ่ง ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่าไฟล์ภาพแบบ "บิทแมพ" (Bitmap) คุณสมบัติที่สำคัญของไฟล์ประเภทนี้คือประกอบขึ้นจากจุดสี ขนาดเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า "พิกเซล" (Pixel) เรียงตัวกันเป็นรูปตารางเนื่องจากจุดสีเหล่านี้เล็กมากเมื่อเรามองแบบรวม ๆ จึงเห็นเป็นภาพถ่ายที่มีการไล่ระดับสีสมจริงเหมือนธรรมชาติ การปรับภาพให้คอมชัด (Unsharp Mask) Photoshop สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดขึ้นได้ แต่คำสั่งนี้จะให้ผลดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าปรับมากเกินไปจะทำให้เห็นขอบวัตถุในภาพเป็นเส้นหรือรัศมีอย่างชัดเจนจนดูไม่สมจริง
เลือกคำสั่ง Filter>Sharpen>Unsharp Mask การใช้ Filter Gallery เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใส่กราฟิกให้กับภาพได้ครั้งละหลายตัวโดยไม่ต้องทำทีละคำสั่ง มีภาพตัวอย่างแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของฟิลเตอร์ทั้งหมดทันที และสามารถปรับแต่งอ๊อฟชั่นหรือสลับลำดับของฟิลเตอร์ได้เครื่องมือนี้จะช่วยให้การสร้างเอฟเฟ็คต์พิเศษที่จ้องใช้ฟิลเตอร์หลายตัวประกอบกันสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก
การเปิด Dry Brush ทำได้ 2 วิธี คือ
1. เปิดจากคำสั่ง Filter>Filter Gallery กรณีนี้ฟิลเตอร์ชุดเดิม ที่คุณเคยเลือกไว้ด้วยวิธีนี้จะถูกเรียกกลับขึ้นมา
2. เปิดจากคำสั่งของฟิลเตอร์ใดฟิลเตอร์หนึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Filter Gallery เช่น Filter>Artistic>Dry Brush จะถูกเรียกใช้ก่อน หลังงานนั้น คุณสามารถเลือกฟิลเตอร์อื่น ๆ เพิ่มได้
***2.การตัดต่อและตกแต่งภาพกราฟิก***
เราอาจจะแต่งในภาพเพียงภาพเดียว หรือนำหลาย ๆ ภาพมาตกแต่งร่วมกัน โดยเลือกบางส่วนในแต่ละภาพมาประกอบกัน เราสามารถเลือกส่วนของภาพนั้นได้ด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Marquee Tool ซึ่งเป้นเครื่องมือตัวแรกของชุดเครื่องมือ ประกอบด้วย Rectangle Maquee Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบสี่เหลี่ยมตามที่ต้องการ สังเกตว่าที่เครื่องมือนี้จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยมอยู่ที่มุมล่างด้านขวา แสดงว่าจะมีเครื่องมือในแบบเดียวกันซ่อนอยู่ด้วย โดยเราสามารถเรียกใช้ด้วยการคลิกเมาส์ค้างไว้ ก็จะปรากฎเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยู่ในชุดนี้ขึ้นมา Elliptical Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบวงกลมหรือวงรีตามที่ต้องการ Single Row Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวนอน Single Column Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวตั้ง ย้ายส่วนของภาพ เมื่อเลือกส่วนของภาพได้แล้ว เราจำเป็นที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายส่วนของภาพนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเครื่องมือ Move Tool สำหรับเคลื่อนย้ายภาพหรือส่วนของภาพที่เราต้องการ ไปยังตำแหน่งใหม่ หรือไปตกแต่งร่วมกับภาพอื่น การใช้งานเพียงแค่คลิกเมาส์ที่ส่วนนั้น แล้วลากไปปล่อยทั้งในตำแหน่งที่ต้องการเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ หรือตามรูปร่างของบริเวณภาพที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วยเครื่องมือ Lasso Tool โดยเครื่องมือชุดนี้จะประกอบด้วยเครื่องมือ 3 ตัว ด้วยกัน คือ Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ ด้วยการคลิกเมาส์ค้างไว้ แล้วลากคลุมบริเวณที่เราต้องการ จนแนวเส้นการลากมาบรรจบกันอีกครั้งก็จะได้ขอบเขตการเลือกภาพที่ต้องการ สามารถใช้เครื่องมือ Move Tool ในการย้ายเพื่อตกแต่งไปได้ Polygonal Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพอิสระเช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบทีละจุดไปเรื่อย ๆ ด้วยการคลิกเมาส์ที่จุดแรกแล้วปล่อย แล้วจึงค่อยคลิกที่จุดต่อ ๆ ไปจนแนวเส้นที่คลิกมาบรรจบกันอีกครั้ง Magnetic Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระเช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบเซ็คค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิกเมาส์ที่จุดแรกแล้วปล่อย จากนั้นลากเมาส์ไปเรื่อย ๆ ให้ใกล้กับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล็ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว
***3.การใช้งานเลเยอร์***
เป็นเหมือนการวางแผ่นใส่ ซ้อนทับกันเป็นลำดับขั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ละแผ่นใสเปรียบเสมือนเป็นแต่ละเลเยอร์ บริเวณของเลเยอร์ที่ไม่มีรูป จะเห็นทะลุถึงเลเยอร์ที่อยู่ข้างล่าง โดยกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกิดเป็นรูปภาพสมบูรณ์และทำให้เราสามารถจัดวางงานได้ง่าย การใช้งาน Layers Palette เป็นศูนย์รวมของเลเยอร์ทั้งหมด ที่มีอยู่ในภาพ โดยเรียงตามลำดับ จากเลเยอร์ที่อยู่บนสุดไปจนถึงเลเยอร์ที่อยู่ล่างสุด มีScoolbar เลื่อนขึ้นลงเพื่อนดูเลเยอร์ต่าง ๆ แต่ละเลเยอร์จะมีชื่อของเลเยอร์นั้น ๆ อยู่ นอกจากนี้ Layers Palette ยังเป็นเหมือนตัวควบคุมลักษณะการใช้งานของเลเยอร์ทั้งหมด เราสามารถเรียก Layers Palette ขึ้นมาใช้งาน โดยการใช้คำสั่ง Window>Show Layers ที่แถบเมนู Active Layerในการใช้งานโปรแกรม Photoshop นั้นแม้ประกอบไปด้วยเลเยอร์หลายเลเยอร์ แต่เราจะทำงานได้เพียงทีละเลเยอร์เท่านั้น เลเยอร์ที่เรากำลังทำงานอยู่ เราเรียกกว่า Active Layer ซึ่งใน Layers palette จะปรากฎเป็นแถบสีน้ำเงิน และมีไอคอนปรากฎอยู่ในช่องแสดงสถานะของเลเยอร์ เช่นแสดงว่ากำลังทำการปรับแต่ละเลเยอร์อยู่เป็นการเพิ่มเลเยอร์ Mask ให้กับเลเยอร์นั้น การเปลี่ยนการทำงานไปในเลเยอร์ต่าง ๆ เราสามารถเรียกเลเยอร์ใดทำงานได้ โดยการเลื่อนเมาส์ไปที่เลเยอร์ที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป้นรูป และ Click Mouse ที่แถบของเลเยอร์นั้น เลเยอร์นั้นจะกลายเป็น Active Layer โดยทันที การซ่อนการแสดงเลเยอร์ภาพ ภาพหนึ่งจะประกอบไปด้วย เลเยอร์หลายเลเยอร์ ในบางครั้งหากเราต้องการปิดบางเลเยอร์ไม่ให้มองเห็นก่อน เพื่อความสะดวกในการทำงานโดยที่ไม่ได้ลบเลเยอร์นั้นทิ้ง
เราสามารถสั่งให้มีการซ่อน และแสดงเลเยอร์ได้ โดย
1. ซ่อนเลเยอร์โดย Click Mouse เพื่อนซ่อนเลเยอร์ ซึ่งช่องสถานะนั้นจะเปลี่ยนเป็น
2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เลเยอร์ Mushroom จะหายไป
3. แสดงเลเยอร์โดย click Mouse อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงเลเยอร์ช่องสถานะจะเปลี่ยนเป็นกลับมา
4. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Mushroom จะปรากฎขึ้นอีกครั้ง
5. ว่อนและแสดงหลาย ๆ เลเยอร์พร้อมกัน โดยการ Drag niyse ผ่านช่องสี่เหลี่ยมต่าง ๆ
6. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Vegetable, Gevi, Orange และ Mushroom จะหายไป
การใช้ Brush Tool
1. เลือกสีของพู่กัน
2. เลือกขนาดและลักษณะของหัวพู่กัน
3. กำหนดอ๊อฟชั่นต่าง ๆ (โดยการใช้ F5)
4. คลิกภาพวาดตามที่ต้องการ
ส่วนการใช้ Pencilก็มีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายกับ Brush Toolโดยใช้คำสั่ง Paint Bucket Tool
1. Selection เลือกพื้นที่ภาพที่เราต้องการเติมสี
2. Click Mouse ที่ไอคอน
3. Click Mouse ที่ Foreground Color เพื่อเลือกสีที่จะเติม
4. ปรับค่าสีที่จะเติมในภาพด้วย Tool Options bar โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ เลือกสีที่ใช้เติม ได้แก่ Foreground ใช้สีเดียวกับ Foreground color Pattern เติมภาพด้วยลวดลาย การไล่โทนสีภาพโดยใช้คำสั่ง Gradient Tool
การใช้คำสั่ง Gradient Tool
1. เลือกพื้นที่ที่ต้องการเทสีภาพ ในที่นี้คือ พื้นที่ที่เป็นเส้นประสี่เหลี่ยม
2. Click Mouse ที่ไอคอน Gradient Tool
3. Click Mouse เลือกรูปแบบไล่โทนสีที่ Tool Options bar
4. Drag Mouse จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลาย ตามตำแหน่งที่เราต้องการแล้วปล่อยเมาส์จุดที่เริ่มกดเมาส์ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น จุดที่ปล่อยเมาส์ถือว่าเป็นจุดปลาย
การแสดงการไล่สีมี 5 รูปแบบ
1. Unear Gradient Tool การไล่โทนสีในแนวเส้นตรง
2. Radial Gradient การไล่โทนสีตามรัศมีของวงกลม
3. Angular Gradient การไล่โทนสีแบบการวาดตามการหมุนของเข็มนาฬิกา
4. Reflected Gradient การไล่โทนสีแบบภาพสะท้อน
5. Diamond Gradient การไล่โทนสีแบบประกายแสงของเพชร
***5.การสร้างตัวอักษรและข้อความ***
การพิมพ์ตัวอักษรหรือทำตัวอัษรศิลป์ ก็คล้ายกับการพิมพ์ลงในโปรแกรม Word หรือ Excel นั้นแหละ มีการกำหนดฟอนด์อักษร เลือกสไตล์ ขนาด การจัดกลาง การกำหนดสีหรือแม้กระทั่งการบิดข้อความทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มเปิดไฟล์ภาพที่เคยบันทึกไว้ แล้วคลิก Horizontal type Tool ที่กล่องเครื่องมือ สังเกตที่มุมขวามือล่างที่พาเล็ก Leyer จะเกิด Leyer ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปตัวคลิกที่ภาพเมาส์จะกลายเป็นรูปเคอเซอร์กระพริบ ให้พิมพ์ตัวอักษรลงไปอะไรก้ได้ ถ้าจะเปลี่ยนชนิดตัวอักษรก็คลิกเมาส์ที่ตัวอักษรแล้วลากคลุมดำทุกตัว เปลี่ยนฟอนด์ตัวอักษรและอื่น ๆ ได้ที่แถบอ๊อฟชั่นบาร์ ด้านบนต้องการเปลี่ยนรูปร่างของข้อความคลิกที่ Warp Text เลือก Style ตามที่ต้องการ หากตัวอักษรที่ได้ไม่กลางหรือต้องการจะปรับขนาดใหม่ ให้คลิกที่ edit>Free Transform คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปวางยังตำแหน่งทีต้องการ หากต้องการยืด หด ให้นำเมาส์มาชี้บริเวณมุมกรอบรอบตัวอักษร เมาส์จะเป็นรูปที่คลิกค้างแล้วลาก ต้องการหมุนตัวอักษรเอียงใช้เมาส์ชี้ที่มุมกรอบรอบตัวอักษรห่างจากกรอบพอประมาณ เมาส์จะกลายเป็นรูป คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วหมุนกำหนดเอฟเฟ็คต์ให้ตัวอักษร คลิกเลือกเลเยอร์ตรงที่เราพิมพ์ข้อความลงไป ให้เป็นสีน้ำเงิน เลือกพาเล็ต Style เลือกรูปแบบสไตล์ที่โปรแกรมสร้างไว้ได้เลย หรือหากต้องการเอฟเฟ็คต์เพิ่มเติมให้คลิกที่ปุ่ม Add a layer style เลือกทำเครื่องหมายถูกหน้าสไตล์ที่ต้องการ